วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ความหมายตราสัญลักษณ์มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต



ตราสัญลักษณ์มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต
ส่วนประกอบตราสัญลักษณ์ เป็นวงรีรูปไข่ 2 วงซ้อนกัน วงรีวงนอกจะเป็นเส้นเดี่ยว ส่วนวงรีวงในจะเป็นเส้นคู่ ภายในวงรีในจะเป็นดวงตรา พระราชลัญจกร ประจำพระองค์ ระหว่างวงรีทั้งสองตอนบนจะเป็นอักษรไทยรูปทรงอักษรเป็นแบบล้านนา และอักษรขอมว่า “มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต” ส่วนตอนล่างเป็นอักษรอังกฤษ รูปทรงเป็นแบบอักษรโรมัน แบบ Gothic หรือตัวอักษรแบบ Old English ความว่า “SUAN DUSIT RAJABHAT UNIVERSITY” ความหมายของชุดอักษรไทยและอังกฤษแทนค่าความรู้สึกในการ สื่อสารร่วมสมัย และแสดงความสูงส่ง แห่งสถาบันพระมหากษัตริย์
          พระราชลัญจกรแบ่งออกได้ 3 ประเภท ประกอบด้วย
           -  พระราชลัญจกรประจำแผ่นดินหรือที่เรียกกันทั่วๆ ไปว่า “ตราแผ่นดิน” สำหรับประทับกำกับพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์หรือกำกับนาม ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์           - พระราชลัญจกรประจำพระองค์ หมายถึง ตราประจำชาติดวงที่ใช้ประทับ กำกับ พระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ในต้นเอกสารส่วนพระองค์ ซึ่งไม่เกี่ยวด้วยราชการแผ่นดิน และพระราชลัญจกร สำหรับแผ่นดินหมายถึงตราประจำชาติต่างๆ ซึ่งใช้ประทับกำกับเอกสารสำคัญที่ออกในพระปรมาภิไธย พระมหากษัตริย์ (ข้อมูล : ตราแผ่นดินตราราชสกุล และสกุลอักษรพระนาม และพระนามย่อ)           - พระราชลัญจกรประจำพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลปัจจุบันเป็นรูปกลมรี ตั้งแปลกไปกว่าพระราชลัญจกรองค์อื่นๆ ลายกลางเป็นรูปพระมหาอุณาโลมอยู่ภายในวงจักร รอบวงจักรมีรัศมีเปล่งออกโดยรอบ เหนือจักรเป็นรูปเศวตฉัตรเจ็ดชั้น ฉัตรตั้งอยู่บนพระที่นั่งอัฐทิศ
           การที่ผู้กำหนดรูปแบบพระราชลัญจกรดังนี้ มีอธิบายว่าหมายถึง ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดินโดยที่ผู้แทนทั้งแปดน้อมนำแผ่นดินและความเป็นใหญ่มาถวายเป็นสัญลักษณ์แห่งวันบรมราชาภิเษกตามโบราณราชประเพณีที่เสด็จประทับเหนือพระที่นั่งอัฐทิศ และสมาชิกรัฐสภาถวายน้ำอภัยเษก โดยทิศทั้งแปดและครั้งแรกที่พระมหากษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตย ทรงรับน้ำอภัยเษกจากสมาชิกรัฐสภาแทนที่จะทรงรับจากราชบัณฑิตดั่งในรัชกาลก่อน ผู้เขียนจำได้ว่าเคยอ่านเอกสารเรื่องการสร้างพระราชลัญจกร องค์นี้นานมาแล้ว เสียดายที่ไม่ได้คัดลอกเอาไว้ แต่จำได้ว่าเนื่องมาจากพระปรมาภิไธย “ภูมิพล” ซึ่งหมายถึง กำลังแผ่นดิน เมื่อจะกำหนดรูปแบบออกมาไม่มีอะไรเหมาะเท่าที่นั่งอัฐทิศซึ่งเป็นพระแท่นแปดเหลี่ยม ซึ่งถึงจะอย่างไรก็ได้ชื่อว่า ตั้งอยู่บนแผ่นดิน เป็นกำลังแผ่นดิน
พระราชลัญจกรประจำพระองค์ดังกล่าวมาข้างต้นนั้น สำหรับใช้ประทับกำกับพระปรมาภิไธยในต้นเอกสารสำคัญส่วนพระองค์พระมหากษัตริย์ไม่เกี่ยวกับราชการแผ่นดิน เช่น ประทับในประกาศนียบัตรเหรียญรัตนาภรณ์ เป็นต้น (จากความรู้เรื่องต่างๆ “พระราชลัญจกร” โดย ส.พลายน้อย)

สีของสัญลักษณ์ประกอบด้วยสีต่างๆ 5 สี ดังต่อไปนี้


ตรา มสด. และ SDU



  มสด.       เป็นอักษรย่อมาจาก               มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต
  SDU        เป็นอักษรย่อมาจาก               SUAN DUSIT RAJABHAT  UNIVERSITY

             ปี พ.ศ.2547 สถาบันราชภัฏได้ยกฐานะขึ้นเป็นมหาวิทยาลัยราชภัฏพร้อมกันทั่วประเทศในการดังกล่าว โครงการสวนดุสิต กราฟฟิคไซท์ ได้รับหน้าที่เป็นผู้ออกแบบสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยขึ้นมาใหม่ โดยเน้นเป้าหมายเพื่อความง่ายต่อการสื่อสาร ความโดดเด่น สะดุดตา ง่ายต่อการจดจำ และสื่อความหมายในภาพลักษณ์ใหม่ของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิตได้ อีกทั้งเพื่อองค์กรจะได้มีตราประจำมหาวิทยาลัยสำหรับใช้เพื่อการสื่อสารเพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่ง นอกเหนือจากตราพระราชลัญจกร ซึ่งมีประจำอยู่ในทุกมหาวิทยาลัยราชภัฏ
ภาพสัญลักษณ์ใหม่ชิ้นนี้ได้ถูกออกแบบขึ้นโดยการใช้ภาพตัวอักษร (Letter mark) เพื่อสื่อถึงความเป็นเอกภาพ ความคล่องตัว แลละความเป็นเลิศในการบริหารจัดการ ภายใต้แนวคิดการทำงานเป็นทีม โดยนำอักษรย่อจากคำเต็มในภาษาไทยและภาษาอังกฤษของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต และ SUAN DUSIT RAJABHAT UNIVERSITY มาใช้ โดยยึดตัวอักษรหลักของแต่ละชื่อในแต่ละภาษามาใช้คือ มสด. และ SDU ตามลำดับ
อีกทั้งคำย่อดังกล่าวยังได้แสดงอัตลักษณ์ของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิตขึ้นมาใหม่ท่ามกลางความโดดเด่นที่แตกต่างไปจากมหาวิทยาลัยราชภัฏด้วยกัน ซึ่งความโดดเด่นแห่งอัตลักษณ์นี้ถือเป็นอิทธิพลหนึ่งจากแบบตัวอักษรที่เคยปรากฏเป็นสัญลักษณ์จากพระราชลัญจกร และพระนามแบบต่างๆ ที่เคยปรากฎอยู่ในราชสำนัก นับตั้งแต่ยุคสมัยการปฎิรูปประเทศตามแนวทางตะวันตก นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2450 เป็นต้นมา
                ออกแบบโดย ศณะ  ผลพันธิน
ที่ปรึกษาโครงการสวนดุสิต กราฟฟิคไซท์  มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต (พ.ศ.2547)

สีประจำมหาวิทยาลัย สีฟ้าน้ำทะเล


ข้อมูลจาก :http://www.dusit.ac.th/

ผลเสียของการสูบบุหรี่


ผลกระทบของการสูบบุหรี่

ผลกระทบของการสูบบุหรี่ต่อสุขภาพร่างกาย 

สารต่างๆ ซึ่งมีอยู่ในบุหรี่ และในควันบุหรี่ ที่กล่าวมาแล้ว เมื่อผู้สูบบุหรี่สูดเข้าสู่ร่างกายพร้อมๆ กัน จะก่อให้เกิดพิษ ที่ทำอันตรายต่อร่างกาย ซึ่งผลกระทบต่อร่างกาย ทำให้เกิดอาการดังนี้ 

ก. ผลกระทบระยะสั้น 
  • ประสาทสัมผัสของการรับรู้กลิ่นและรส จะทำหน้าที่ได้ลดลง
  • แสบตา น้ำตาไหล
  • ขนอ่อนที่ทำหน้าที่พัดโบก เพื่อกำจัดสิ่งแปลกปลอมภายในหลอดลมเป็นอัมพาต หรือทำงานได้ช้าลง
  • ระดับคาร์บอนมอนอกไซด์ในปอด และในกระแสเลือดเพิ่มสูงขึ้น
  • หัวใจเต้นเร็วขึ้น และความดันโลหิตสูงขึ้น
  • มีกรดในกระเพาะอาหารมากขึ้น
  • เกิดกลิ่นที่น่ารังเกียจตามร่างกาย และเสื้อผ้า
  • ลมหายใจมีกลิ่นเหม็น และมีกลิ่นปาก
ข. ผลกระทบระยะยาว 

เป็นสาเหตุของการเกิดโรคต่างๆ ได้แก่ 
  • โรคมะเร็งปอด และมะเร็งในส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น กล่องเสียง ลำคอ หลอดอาหาร และกระเพาะปัสสาวะ
  • โรคเส้นเลือดหัวใจตีบ และโรคหัวใจขาดเลือด มีความเสี่ยงต่อการเกิดอาการ หัวใจวาย
  • โรคหลอดเลือดสมอง หลอดเลือดส่วนอื่นๆ ตีบตัน และหลอดเลือดใหญ่ทรวงอก และช่องท้องโป่งพอง
  • โรคถุงลมโป่งพอง โรคหลอดลม อักเสบเรื้อรัง
  • ทำให้สมรรถภาพทางเพศเสื่อม จากการอุดตันของเส้นเลือดขนาดเล็ก ที่ไปเลี้ยงประสาท ที่เกี่ยวกับการควบคุมการแข็งตัวของอวัยวะเพศ
  • ที่มา http://kanchanapisek.or.th/kp6/sub/book/book.php?book=28&chap=6&page=t28-6-infodetail05.htm

วันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

อาการเจ็บปวดตามจุดต่างๆ ร่างกาย บ่งบอกถึงอะไร

อาการเจ็บปวดเกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ มักสร้างความกังวลเพราะนอกจากจะไม่รู้ที่มาแล้ว เรายังไม่อาจเห็นสภาพภายในได้ เรื่องนี้นายแพทย์กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ มีข้อมูลมาไขข้อข้องใจโดยเฉพาะอาการปวด 10 จุด ต่อไปนี้
8167
เจ็บต้นคอร้าวแขน เจ็บนี้ต้องระวังเส้นประสาทต้นคออาจถูกกดหรือบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ยกของหนักที่ผ่านมาได้ เจ็บแขนร้าวปลายมือ ดูเรื่องเส้นประสาทให้ดีมีสิทธิ์เกิดจากพังผืดไปรัดเส้นประสาทหรือเกิดมาจากศูนย์รวมประสาทที่ต้นคอก็ยังได้
ปวดศีรษะร้าวต้นคอ อาจเป็นเพียงกล้ามเนื้อที่เกร็งตึงเวลามีความเครียดธรรมดา แต่ถ้ามีตาพร่าบวกคลื่นไส้อาเจียนด้วยก็ต้องจับตาอาการด้านสมอง ปวดหลังร้าวลงขา น่าจะเกิดจากหมอนรองกระดูกกดเส้นประสาทเป็นหลัก โดยเฉพาะหลังส่วนบั้นเอวเป็นจุดอ่อนที่สำคัญ การดูว่าปวดหลังถึงขั้นไหนให้ดูอาการร้าวลงขา
เจ็บอกวิ่งไปแขนซ้าย ร้ายเสียยิ่งกว่าอกหักเพราะมักเกี่ยวถึงโรคหัวใจขาดเลือด ให้สังเกตอาการปวดว่าเหมือนถูกบีบหรือถูกงูเหลือมตัวใหญ่รัดด้วยหรือไม่ ไอแล้วปวดร้าวลงก้นกบ บางคนเวลาไอหรือเบ่งท้องแรงๆ แล้วมีอาการเจ็บร้าวไปหลังหรือก้นกบเบื้องล่างทุกครั้ง ต้องเฝ้าระวังโรคหมอนรองกระดูกทับเส้น
เจ็บท้องน้อยร้าวลงหน้าขา ในสตรีต้องระวังเรื่องอุ้งเชิงกรานอักเสบ ส่วนในหนุ่มๆ ให้ระวังนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ถ้ามีไข้ร่วมด้วยให้ช่วยระวังการติดเชื้อเป็นหลัก เจ็บท้องส่วนอื่นๆ แล้วร้าวทะลุหลัง อาการเจ็บหน้าไปหลังเช่นนี้ถ้าเป็นที่ตับ คือ ด้านบนขวาให้นึกถึงถุงน้ำดีที่อาจไม่ดีสมชื่อ เพราะนี่เป็นสัญญาณนิ่วในถุงน้ำดีหรือถุงน้ำดีอักเสบ ส่วนถ้าเจ็บตรงกลางร่วมกับไข้สูงให้นึกถึงตับอ่อนอักเสบ (Acute pancreatitis) แบบเฉียบพลัน
ปวดหลัง
เจ็บบั้นเอวแถวสีข้างร้าวลงขา ยิ่งถ้าเจ็บบั้นเอวด้านใดด้านหนึ่งแล้วร้าวด้วย ให้นึกถึงก้อนนิ่วในกรวยไตหรือท่อไต ในบางรายอาจมีท่อปัสสาวะอักเสบร่วมกับมีไข้ รู้สึกหนาวและปัสสาวะปนเลือดอีก หากเป็นเช่นนี้แนะให้ช่วยรีบไปตรวจปัสสาวะ เอ็กซเรย์หรืออัลตร้าซาวน์
และสุดท้าย เจ็บตามผื่นแล้วร้าวลงเส้นประสาท การที่มีผื่นเป็นตุ่มน้ำใสแล้วมีอาการแสบร้อนหรือเคยมีประวัติโรคเริม งูสวัด ให้ระวังอาการปวดร้าวไปตามปลายประสาท แม้ไม่มีผื่นแล้วก็อาจทิ้งอาการแสบร้อนไว้ได้ บางรายเจ็บแสบอยู่ตามแนวเส้นประสาทเป็นครั้งคราว
คุณหมอกฤษดา ย้ำว่า สัญญาณเจ็บร้าวทั้งสิบที่ว่ามาเป็นวิธีดูคร่าวๆ เท่านั้น แต่ก็ช่วยทำให้ได้ร่องรอยของโรคที่ซ่อนอยู่ได้ อย่างไรก็ตาม อาการเจ็บปวดตามร่างกายทางที่ดีที่สุดคือ พบแพทย์แล้วตรวจหาความผิดปกติให้ทราบชัดเจนชัวร์กว่า

กิน “ผักดิบ” มากไป ทำให้เกิดโทษ


เมื่อพูดถึงอาหารสำหรับสุขภาพ  มีผักจัดอยู่ในจำพวกนี้อย่างแน่นอน  อย่างที่เรารู้กันดีอยู่แล้วว่า “ผัก” นั้นให้ประโยชน์กับเรามากมาย หากแต่ว่าเรากินผักไม่ถูกวิธี  ผักที่ว่าเป็นประโยชน์นั้นก็อาจจะเป็นโทษไปก็ได้
  • ถั่วงอก” เรากินถั่วงอกไม่ว่าจะสุกหรือดิบ  ใส่ลงในก๋วยเตี๋ยว ผัดไทย หรือจะนำไปผัดผัก  กินแกล้มกับขนมจีนน้ำยา และอื่นๆ อีกมากมาย ในถั่วงอกนั้นมีทั้งโปรตีน วิตามินซี วิตามินบี 12 ธาตุเหล็ก และเลซิธิน ล้วนแล้วแต่เป็นสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ถ้าจะเลือกกินถั่วงอกดิบก็ควรจะกินในปริมาณที่พอเหมาะเท่านั้น เนื่องจากในถั่วงอกดิบมีสารไฟเตด ที่ส่งผลในการขัดขวางการดูดซึมสารบางชนิดเข้าสู่ร่างกาย
  • ถั่วฝักยาว” มีเส้นใยอาหารสูง แคลเซียม ฟอสฟอรัส โปรตีน วิตามินซี และมีธาตุเหล็ก เราไม่ควรกินถั่วฝักยาวดิบมากเกินไป เพราะในถั่วฝักยาวดิบนั้นมีแก็สปริมาณมาก โดยเฉพาะแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ มีเทน และซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ซึ่งอาจจะทำให้ท้องอืดได้ เนื่องจากกระบวนการในการย่อยเมล็ดและเปลือกของถั่วฝักยาวโดยแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่
  • ผักตระกูลกะหล่ำปลี” ซึ่งได้แก่ กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก บร็อกโคลี ซึ่งผักกลุ่มนี้จะมีสารกอยโตรเจน ซึ่งจะไปขัดขวางการทำงานของต่อมไทรอยด์ ทำให้ร่างกายนำไอโอดีนในเลือดไปใช้ได้น้อย ในระยะยาวอาจจะเป็นโรคคอพอกได้ แต่ในระยะสั้น หากกินมากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการท้องอืดเพราะอาหารไม่ย่อย
  • หน่อไม้-มันสำปะหลัง” มีสารไซยาไนด์ ที่อยู่ในรูปของ ไกลโคไซด์ ซึ่งมีผลต่อระบบประสาท ทำให้คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย มึนงง หมดสติ หรืออาจรุนแรงถึงขั้นหัวใจหยุดทำงานได้ ฉะนั้นควรจะนำไปปรุงสุก หรือนำไปต้มน้ำทิ้งก่อนนำมาปรุงอาหารต่อไป
สำหรับผักดิบที่กล่าวข้างต้น หากกินดิบในปริมาณที่พอเหมาะ ก็ไม่ได้เป็นพิษต่อร่างกาย การที่จะส่งผลเสียต่อร่างกายนั้น จะต้องกินผักชนิดนั้นๆ อย่างเดียว ในปริมาณที่มากเป็นกิโลกรัมหรือมากกว่านั้น เป็นเวลาติดต่อกันหลายวัน แต่หากกินตามปกติในชีวิตประจำวัน กินผักหลายๆ ชนิดสลับกันไป ผักต่างๆ ก็จะกลับมาเป็นประโยชน์ให้กับร่างกายของเรา

ประโยชน์ของ “โยเกิร์ต” ที่คุณควรทาน

1365759719
  1. คนที่ท้องเสียเนื่องจากมีเชื้อจุลินทรีย์อยู่ในลำไส้ แต่เชื้อจุลินทรีย์ในโยเกิร์ตนั้นเกิดมาเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียชนิดเลวทั้งหลายนี้ ดังนั้นการกินโยเกิร์ตจึงทำให้อาการท้องเสียของคุณทุเลาได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ถ่ายน้อยลงหรือหยุดถ่าย
  2. โยเกิร์ตมีไขมันชื่อคอนจูเกตเต็ดไลโนเลอิก สามารถช่วยป้องกันโรคหัวใจ
  3. โยเกิร์ตไขมันต่ำ 1 ถ้วย มีสารอาหารถึง 11 ชนิด และแต่ละชนิดเป็นสารอาหารที่สำคัญสำหรับร่างกายทั้งนั้น อย่างไอโอดีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินบี 2 โปรตีน วิตามินบี 12 ทริปโทฟาน โพแทสเซียม โมลิปเดนัม สังกะสี และวิตามินบี 5 ฉะนั้น คนที่กินโยเกิร์ตเป็นประจำถึงได้อายุยืนแถมแข็งแรง
  4. ถึงแม้ยเกิร์ตจะทำมาจากนม แต่โยเกิร์ตให้โปรตีนและแคลเซียมสูงกว่านมธรรมดา เพราะลำไส้ของเราย่อยนมไม่ได้ แต่สำหรับโยเกิร์ตกลับทำได้ชิลๆ เพราะในโยเกิร์ตมีกรดแลกติกที่จะช่วยย่อยแคลเซียมให้เล็กลง ทำให้ร่างกายดูดซึมไปใช้ได้
  5. จุลินทรีย์ทั่วไปอาจทำร้ายร่างกายแต่แลคโตบาสิลัสในโยเกิร์ตเป็นจุลินทรีย์ ชนิดดีที่ ร่างกายต้องการ มันจะไปหยุดการเจริญเติบโตของเชื้อ “เฮลิโคแบคเตอร์ เอชไพโลไร” ที่ทำให้เกิดโรคกระเพาะ ลดการอักเสบของลำไส้และไขข้อ แถมยังทำตัวเป็นนักปราบปรามจุลินทรีย์ที่จะทำให้คุณเป็นมะเร็งปากมดลูก ช่วงที่มีรอบเดือนผู้หญิงจึงควรทานโยเกิร์ตเป็นประจำ
  6. แคลเซียมสูงที่ได้จากโยเกิร์ตจะทำให้เป็นสาวกระดูกเหล็ก ช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน ความดันสูง มะเร็งลำไส้ และยังกระตุ้นระบบเผาผลาญทำให้คุณผอมเองโดยไม่ต้องเหนื่อย
  7. ทำให้ปากสะอาด กำราบกลิ่นปากและโรคเหงือก
  8. เพิ่มภูมิต้านทานให้ร่างกาย เพราะแบคทีเรียในโยเกิร์ตทำให้ร่างกายสังเคราะห์วิตามินเคและบีในลำไส้ได้ดีขึ้น